วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

วัดสระแก้ว



                                            วัดสระแก้ว







        วัดสระแก้ว (วัดนอก)  ตั้งอยู่เลขที่ 140 บ้านเชียง  ถนนสุทธิพงษ์  หมู่ 12  ตำบลบ้านเชียง  อำเภอหนองหาน  จังหวัดอุดรธานี  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่  11 ไร่  1 งาน 7 ตารางวา  อุโบสถ สร้าง พ.ศ. 2530  เป็นอาคารทรงไทยว้าง 10 เมตร  ยาว   23  เมตร  ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ

              ศาลาการเปรียญเป็นอาคารไม้ทรงไทย  หลังคามุงกระเบื้อง  กุฏิสงฆ์ จำนวน หลัง  เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้  วิหารเป็นอาคารทรงไทยหลังคามุงสังกะสี  สร้าง พ.ศ. 2529  ปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา  เมื่อวันที่  13  พฤษภาคม พ.ศ. 2528 เขตวิสุงคามสีมา  กว้าง 40 เมตร  80 เมตร วัดสระแก้ว มีประวัติความเป็นมา คือ เมื่อปี พ.ศ. 2430  มีหัวซาคุณ หัวซาคุณนี้บวชเป็นพระติดตามพี่ชายมาอยู่ที่บ้านเชียง (น้องนายของกำนันขุนเชียงสวัสดิ์) มาพบเห็นบริเวณหนองน้ำอยู่กลางดง หนองน้ำใสเปรียบประดุจแก้วบางใส  สัตว์ป่าได้อาศัยหนองกลางดงนี้ดื่มกิน   จารย์ซาสุก คือ หัวซาสุก(นามสกุล พลเชียงดี) และหัวซากัณหา (พระครูกัณหา) มาบวชอยู่ที่วัดหนองกลางดงนี้ และมีจารย์ซาคุณเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก พระ 3 รูปนี้  ได้ช่วยกันนำชาวบ้านให้รู้จักเข้าวัด  ฟังธรรม ปฏิบัติตนในศีลธรรมอันดีงาม  ต่อมาเมื่อเห็นว่าน้ำในหนองกลางดงแห้งขอดในฤดูแล้ง  จึงได้วานญาติโยม  ขุดสระขึ้นเองกลางดงนี้  ให้เป็นสระน้ำ และให้ชื่อว่าสระแก้ว  ต่อมาจารย์ซาคุณ  เจ้าอาวาสได้ลาสิขาจากวัด  หัวซาสุกจึงเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ แต่อยู่ไม่ได้นานก็ลาสิกขาบทมาตั้งถิ่นฐานจับจองที่ดินข้างวัดสะแก้วเป็น นักปราชญ์อาจารย์ผู้หนึ่งของบ้านเชียง  และเอาใจใส่บำรุงวัด  ศาสนาไปด้วย  หัวซากัณหา ก็เลื่อนเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ท่านเป็นพระนักพัฒนา ทางหมู่บ้านก็มีกำนันขุนเชียงสวัสดิ์ได้นำชาวบ้านบำรุงวัดในหมู่บ้าน  ได้เอาใจใส่ดูแลเป็นประจำ  อีก 7 ปี ต่อมา หัวซากัณหา ที่ชาวบ้านเรียกกันก็ได้เลื่อนสมศักดิ์เป็น พระครูพิมลธรรมประกาศ  ได้เชิญชวนชาวบ้านสร้างโบสถ์ขึ้นเมื่อปี 2540  และได้ขอพระราชทาน  พระบรมราชานุญาตให้มีเขตวัด (วิสุงคามเสมา ) กับขนานนามวัดเป็นทางการว่าวัดสระแก้ว  เมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามเสมา  จึงทำบุญฉลองโบสถ์ ปิดทองลูกนิมิต ชาวบ้านเรียกว่า  บุญขอดสิม  วัดสระแก้วในครั้งนั้นเล่ากันว่า  ต้องเลือกผู้บริสุทธิ์  คือผู้ไม่เคยล่วงในกามวิสัย  ไม่เคยลักขโมยตั้งแต่เกิดมา จนกระทั้งอายุครบปีบวช  และเป็นผู้ที่ควรเชื่อถือได้ด้วย  บรรดานาคทั้งหลายที่บวชในโบสถ์แห่งนี้  เมื่อ พ.ศ. 2460  มีนาคคนหนึ่งชื่อ จันทา (พ่อตู้แดง) ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ขอดสิมในครั้งนั้น  เมื่อบวชเป็นพระแล้วเวลานั้นเรียกว่า เจ้าหัว เมื่อสิ้นบุญพระครูกัณหา (พระครูพิมลธรรมประกาศองค์แรก) ญาติโยมชาวบ้านเชียง ได้พร้อมใจกันไปนิมนต์ พระพิมลธรรมประกาศ (ขาว เขมิโก) ซึ่งเป็นพระที่นิยมนับถือกันมา  เล่าลือว่าเป็นพระที่ปฏิบัติอยู่ในศีลธรรมเป็นอย่างดีมาจากวัดบ้านทุ่งฝน (อำเภอทุ่งฝนในปัจจุบัน) นิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดสระแก้วรูปที่ 4 จนมรณภาพ ในปี 2522  และได้รับพระราชทานเพลิงศพเป็นรูปแรกในตำบลบ้านเชียง  ต่อมาพระมหาสำลีจึงได้ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสคนที่ วัดสระแก้วได้บูรณะวัดสระแก้วขึ้นใหม่หลายอย่าง เช่น สร้างโบสถ์ที่ทันสมัยขึ้นสำเร็จ ก่อนมรณภาพ และศาลาการเปรียญในปัจจุบัน เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน คือ ท่านพระครูพิทักษ์ธรรมรังสี
 



                         





  ภาพบริเวณในวัดสระแก้ว..............





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น