วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บ้านไทพวน

       

     บ้านไทพวน 


       บ้านไทพวนหลังนี้เดิมเป็นบ้านของคุณพจน์ มนตรีพิทักษ์ เป็นแหล่งขุดพบโบราณวัตถุของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก ลักษณะของบ้านไทพวน เป็นเรือนไม้ หลังคาจั่วมุงแป้นเกล็ดยกใต้ถุนสูง ตัวเรือนแต่ละหลังเชื่อมต่อกันด้วยชานไม้ และมียุ้งข้าวแยกต่างหากอีกหลังหนึ่ง เรือนชาวไทพวนจะใช้บันไดพาดกับชานด้านหน้าในการขึ้นลง และจะเก็บบันไดขึ้นบนเรือนในตอนกลางคืนเพื่อความปลอดภัย เป็นรูปแบบหนึ่งของเรือนพื้นถิ่นในประเทศไทย ซึ่งกรมศิลปากรได้จัดบ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ในแง่มุมของวิถีชีวิตชาวไทพวน


            บ้านไทพวนในปัจจุบัน ยังคงมีการเก็บรักษาและบูรณะเสมอ............


หน้าบ้านไทพานที่มการขุดค้นทางโบราณคดี..........




บ้านไทพวนเป็นการสร้างบ้านแบบใช้ไม้ทั้งหลัง ในปัจจุบันก็ได้มีการพยามยามให้อนุรัษ์บ้านไทพวน
โดยมีการประยุกต์การสร้างบ้านในปัจจุบันเข้ากับบ้านไทพวน บริเวณด้านหน้าได้มีการทำการขุดค้นทางโบรณคดีในสมัยก่อน มีการพบหลักฐานมากมาย บริเวณใต้ถุนบ้านก็มีก็ไว้ใช้ประโยชน์หลายๆด้านเช่น เลี้ยงสัตว์ ที่ทอผ้า นั่งเล่นเป็นต้น

        ลักบณะการสร้างบ้านไทพานในสมัยก่อนที่ยังหลงเหลืออยู่......................

บริเวณบ้านไทพวนของนาย พจน์ มนตรีพิทักษ์........




 ถ้าใครอยากเห็นบ้านไทพวนในสมัยโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ลองมาเที่ยวที่บ้านเชียงนะคับ....................................................

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

     วัดโพธิ์ศรีใน บ้านเชียง พิพิธภัณฑสถานกลางแจ้งแห่งแรกของประเทศไทย

                  หลุม ขุดค้นทางโบราณคดีที่วัดโพธิ์ศรีใน  ตั้งอยู่ภายในวัดโพธิ์ศรีใน ซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ ๕๐๐ เมตร เป็นสถานที่สำคัญหนึ่งที่เก็บรักษาศิลปะเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงที่ เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้ และ ยังเป็นสถานที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จมาทอดพระเนตรการทำงานของนักโบราณคดี ในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๕ กรมศิลปากรโดยได้ดำเนินการปรับปรุงหลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน และเก็บรักษาหลักฐานทางโบราณคดีไว้ในสภาพดั้งเดิม โดยจัดแสดงในรูปแบบของพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้งแห่งแรกของประเทศไทย


ศาลาบริเวณด้านในของวัดโพธิ์ศรีใน


           วัดโพธิ์ศรีใน ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 90 บ้านเชียง ถนนโพธิ์ศรีใน หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี สร้างเมื่อ พ.ศ. 2390 เดิมชื่อวัดใน เพราะตั้งอยู่กลางชุมชนต่อมาได้ย้ายมาตั้งอยู่ ณ ที่ปัจจุบันนี้ เมื่อ พ.ศ. 2515 พระครูวิมลปัญญากร (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ให้ความอนุเคราะห์บริจาคที่ดินให้กรมศิลปากรทำการ ขุดค้นทางโบราณคดี ต่อมาจัดเป็น พิพิธภัณฑสถานกลางแจ้งหลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน และเปิดให้เข้าชมจนถึงปัจจุบัน ภายในวัดมีบรรยากาศที่เงียบสงบดี มีต้นโพธิ์ต้นใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของวัดโพธิ์ศรีใน


                                           บริเวณใต้ต้นโพธิ์ของวัด.......
    

   บริเวณภายในของหลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีใน......
                         

 สิ่งที่แสดงว่าได้เป็นมรดกโลก......



โบสถ์บริเวณวัดโพธิ์ศรีใน......







ลองมาเที่ยวกันนะคับ.....................................

                           

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง









         ประวัติพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประเภทแหล่งอนุสรณ์สถานจัดตั้งขึ้นในแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 13 ตำบล บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ปัจจุบันได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลแล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ บ้านเชียงได้จัดแสดงหลักฐานที่ ได้จากการสำรวจขุด ค้น ที่บ้านเชียง และแหล่งโบราณคดีใกล้เคียง อันประกอบด้วยกลุ่มภาชนะดินเผา เครื่องมือ เครื่องใช้และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย

 

        จุดเริ่มต้นของการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง มาจากการพบภาชนะลายเขียนสี เมื่อปี พ.ศ. 2503 โดยชาวบ้านเชียง ต่อมาปี พ.ศ. 2509 ชาวอเมริกัน ได้พบภาชนะดินเผาที่บ้านเชียงโดยบังเอิญจึงนำไปแจ้งที่กรมศิลปากร ปีพ.ศ. 2510 จึงได้มีการขุดค้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกปี พ.ศ.2515 ได้ขุดค้นเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จทอดพระเนตรแหล่งขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรีในพร้อมกับแหล่งอื่นในบ้านเชียง และครั้งสุดท้ายปีพ.ศ. 2517-2518 กรมศิลปากรร่วมกับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ร่วมมือขุดค้นและหาข้อมูลใหม่เพิ่มเติม โดยเรียกโครงการนี้ว่า " โครงการ โบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ " พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งชาติ บ้านเชียง จึงได้เริ่มจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2518 เป็นต้นมา


        พ.ศ. 2524 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับกรมศิลปากร ได้ของบประมาณจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มาสร้างอาคารหลังแรก แต่เนื่องจาก สภาพพื้นที่ยังเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงในฤดูฝน นายมีชัย ฤชพันธุ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขอเงินงบประมาณในโครงการเงิน กสช. มาปรับปรุงพื้นที่ให้สวยงาม และพรรคชาติไทยยังได้บริจาคต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับให้แก่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ บ้านเชียง ด้วยเช่นกัน


         พ.ศ. 2525 ดร. สิปปนนท์ เกตุทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ของบประมาณสร้างอาคารหลังที่ 2 จากมูลนิธิ จอร์น เอฟ เคเนดี แห่งประเทศไทย และกรมศิลปากรได้มีงบประมาณสนับสนุนด้านครุภัณฑ์ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 6,100,000 บาท เนื่องจากในวโรกาสสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระชนมายุ 84 พรรษา กรมศิลปากร ได้กราบบังคมทูลพระบรมราชานุญาตใช้ชื่ออาคารหลังนี้ว่า "อาคารสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา ทรงเป็นผู้แทนพระองค์เสด็จทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ในวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2530


          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ปัจจุบันมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 25 ไร่ คือ บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง หลุมขุดค้นทางโบราณคดีวัดโพธิ์ศรีใน และบ้านไทพาน ด้วยเหตุผลที่คนบ้านเชียงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้มีหลักฐาน ชีวิตความเป็นอยู่ ที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมของคนยุคนั้น ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้เป็นอย่างดี คณะกรรมการมรดกโลกได้ร่วมกันตกลงยอมรับให้ขึ้นบัญชี " แหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง "ไว้เป็นแหล่งหนึ่งในบรรดามรดกโลก เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 359 ของโลก เมื่อปี พ.ศ. 2535